นาทีที่รู้ตัวว่าโทรศัพท์หายคงเป็นอะไรที่ใจหายวูบ! ไม่ว่าจะลืมไว้ที่ไหน หรือโดนขโมยไป ในสมาร์ทโฟนไม่ได้มีแค่เบอร์โทร แต่ยังมีข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ และแอปธนาคารที่สำคัญอีกเพียบ แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป วันนี้ A Lot Tech ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์มือถือจะมาแนะแนวทางและ วิธีตามหาโทรศัพท์หาย ฉบับอัปเดตล่าสุดปี 2025 ที่ทำตามได้จริง ทั้งบนโทรศัพท์แอนดรอยด์และ iPhone มาดูกันเลย
4 ขั้นตอนแรกที่ต้องทำทันที เมื่อรู้ว่าโทรศัพท์หาย
ก่อนจะไปเริ่มตามหาตำแหน่ง สิ่งแรกที่ควรทำเพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันความเสียหาย มีดังนี้ครับ
- ตั้งสติ แล้วโทรเข้าเบอร์ตัวเอง: ลองยืมโทรศัพท์คนใกล้ตัวโทรเข้าเครื่องตัวเองก่อน หากแค่ลืมไว้ใกล้ๆ อาจมีคนใจดีรับสายและนำมาคืนให้ แต่ถ้าไม่มีคนรับสาย ให้ไปยังขั้นตอนต่อไปทันที
- ล็อกเครื่องจากระยะไกล (Remote Lock): ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iPhone คุณสามารถสั่งล็อกหน้าจอพร้อมกับแสดงข้อความและเบอร์ติดต่อกลับบนหน้าจอได้ วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าถึงข้อมูลในเครื่องของคุณ
- แจ้งผู้ให้บริการเครือข่าย: รีบโทรแจ้ง Call Center ของค่ายมือถือที่คุณใช้ (AIS, True, Dtac) เพื่อระงับสัญญาณซิมการ์ดของคุณชั่วคราว หรือเปลี่ยนเส้นทางการโทรไปยังหมายเลขใหม่ ป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำเบอร์โทรไปใช้ทำธุรกรรม หรือสมัครบริการต่างๆ
- เปลี่ยนรหัสผ่านที่สำคัญ: รีบเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีที่สำคัญทั้งหมดที่ผูกกับโทรศัพท์ เช่น อีเมล (Gmail, Outlook), โซเชียลมีเดีย (Facebook, LINE, IG) และที่สำคัญที่สุดคือ แอป Mobile Banking
วิธีตามหาโทรศัพท์หาย Android (Samsung, OPPO, Vivo, Realme)
สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ Android เช่น โทรศัพท์ OPPO, โทรศัพท์ Vivo, หรือ โทรศัพท์ Realme ระบบของ Google ได้เตรียมเครื่องมือที่ทรงพลังอย่าง “Find My Device” เอาไว้ให้แล้ว
สิ่งที่ต้องมีคือบัญชี Google (Gmail) ที่เคยลงชื่อเข้าใช้ในโทรศัพท์เครื่องที่หาย
วิธีทำ:
- ไปที่เว็บไซต์ android.com/find ผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เครื่องอื่น
- ลงชื่อเข้าใช้ (Login) ด้วยบัญชี Google เดียวกับเครื่องที่หาย
- จากนั้นคุณจะเห็นตัวเลือก 3 อย่าง:
- ส่งเสียง (Play Sound): โทรศัพท์จะส่งเสียงดังสุดเป็นเวลา 5 นาที แม้ว่าจะเปิดโหมดสั่นหรือปิดเสียงไว้ก็ตาม เหมาะสำหรับการหาโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ๆ
- ล็อกอุปกรณ์ (Secure Device): สั่งล็อกเครื่องทันที พร้อมแสดงข้อความและเบอร์โทรติดต่อบนหน้าจอได้
- ล้างข้อมูลในเครื่อง (Erase Device): หากคิดว่าไม่ได้เครื่องคืนแน่นอนแล้ว นี่คือวิธีสุดท้ายสำหรับป้องกันข้อมูลรั่วไหล โดยคำสั่งนี้จะลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่องอย่างถาวร
สนใจมือถือแอนดรอยด์สเปกแรง? ลองดูโทรศัพท์แรม 8 หรือมือถือ 2025 รุ่นใหม่ล่าสุดได้เลย รับประกันราคาถูกที่สุด ประกันศูนย์ไทย
วิธีตามหาโทรศัพท์หาย iPhone / iPad
สาวก Apple ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะระบบ “Find My” นั้นมีประสิทธิภาพสูงมากในการ ตามหาโทรศัพท์หาย และอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple
สิ่งที่ต้องมีคือ Apple ID ที่เคยลงชื่อเข้าใช้ในเครื่อง และเปิดฟีเจอร์ “Find My iPhone” ไว้ล่วงหน้า
วิธีทำ
- ไปที่เว็บไซต์ icloud.com/find หรือใช้แอป “Find My” บนอุปกรณ์ Apple เครื่องอื่น (iPad, Mac)
- ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ของคุณ
- บนแผนที่จะแสดงตำแหน่งล่าสุดของ iPhone หรือ iPad ของคุณ
- เล่นเสียง (Play Sound): คล้ายกับของ Android เพื่อค้นหาเครื่องในบริเวณใกล้เคียง
- โหมดสูญหาย (Lost Mode): เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญมาก! คุณสามารถล็อกเครื่อง, แสดงข้อความ, และติดตามตำแหน่งได้อย่างต่อเนื่อง หากเครื่องกลับมาออนไลน์เมื่อไหร่ ระบบจะแจ้งเตือนคุณทันที
- ลบข้อมูล iPhone (Erase iPhone): ใช้ในกรณีที่แน่ใจแล้วว่าไม่ได้คืน เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว
กำลังมองหา iPhone รุ่นใหม่อยู่รึเปล่า? ลองอ่านบทความไอโฟนรุ่นไหนดีประกอบการตัดสินใจสิ
โทรศัพท์หาย ปิดเครื่อง… ยังหาเจอได้ไหม?
คำถามยอดฮิตที่หลายคนกังวลคือถ้าโทรศัพท์หายแล้วแบตหมดหรือโดนปิดเครื่องจะทำอย่างไร คำตอบคือ “ยังมีหวัง” ครับ
- สำหรับ iPhone: ตั้งแต่ iOS 15 ขึ้นไป แม้เครื่องจะปิดหรือแบตหมด ก็ยังสามารถส่งสัญญาณตำแหน่งล่าสุดออกมาได้ผ่านเครือข่าย Find My Network ที่ใช้อุปกรณ์ Apple อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงช่วยส่งต่อสัญญาณตำแหน่ง
- สำหรับ Android: ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ๆ กำลังพัฒนาเครือข่ายลักษณะเดียวกัน แต่ในปัจจุบัน (ปี 2025) สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือ “ดูตำแหน่งล่าสุด” ที่เครื่องออนไลน์ก่อนที่จะปิดไปบนแผนที่ของ Find My Device
ดังนั้นแม้จะหาแบบเรียลไทม์ไม่ได้ แต่การทราบตำแหน่งสุดท้ายก็ยังเป็นข้อมูลสำคัญในการตามหา
ตามหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์… ทำได้จริงหรือ?
เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ค้นหากันเยอะมากว่าสามารถหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์ได้หรือไม่?
คำตอบคือ: โดยทั่วไปไม่สามารถทำได้ครับ
การระบุตำแหน่งจากเบอร์โทรศัพท์มือถือเป็นอำนาจของผู้ให้บริการเครือข่ายและเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในกระบวนการสืบสวนคดีความเท่านั้น โปรแกรมหรือเว็บไซต์ที่อ้างว่าตามหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์ฟรี ส่วนใหญ่มักเป็นแอปหลอกลวงหรืออาจขโมยข้อมูลของคุณได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ใช้ Google Find My Device เพื่อดู “ตำแหน่งสุดท้าย” ที่เครื่องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งปัจจุบัน แต่ก็เป็นเบาะแสสำคัญที่สุดครับ
ทำได้ครับ การ “หาโทรศัพท์หายด้วยอีเมล” ก็คือการใช้ Google Find My Device (สำหรับ Android) หรือ iCloud Find My (สำหรับ iPhone) ซึ่งทั้งสองบริการนี้ต้องใช้ “อีเมล” ที่ผูกกับเครื่องในการลงชื่อเข้าใช้นั่นเอง
ยังมีโอกาสเจอครับ ระบบจะพยายามหาตำแหน่งจากสัญญาณ Wi-Fi หรือเครือข่ายมือถือที่อยู่ใกล้เคียงแทน แม้ความแม่นยำจะลดลงแต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้ตำแหน่งเลย
ควรไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยเฉพาะในกรณีที่สงสัยว่าถูกขโมย หลักฐานนี้อาจจำเป็นในการประสานงานกับผู้ให้บริการเครือข่ายต่อไป
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกคนที่กำลังเจอปัญหานี้สามารถตามหาโทรศัพท์สุดที่รักกลับคืนมาได้นะครับ และเพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ การมีพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไว้เสมอเพื่อไม่ให้แบตหมด ก็เป็นอีกวิธีป้องกันที่ดีเช่นกันครับ!