วิธีชาร์จแบตมือถือที่ถูกต้อง | แก้ปัญหาชาร์จไม่เข้า – Alottech

ชาร์จแบตมือถือ

การชาร์จแบตมีผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ 

หลายคนอาจมองว่าการชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือเป็นเพียงแค่การเสียบที่ชาร์จแบตเพื่อเติมพลังงานให้ แบตชาร์จเต็มเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการชาร์จแบตของคุณมีผลอย่างมากต่ออายุการใช้งานและประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์มือถือ การชาร์จแบตที่ถูกวิธี ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณใช้งานโทรศัพท์ได้ยาวนานขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ และป้องกันปัญหาแบตเสื่อมก่อนเวลาอันควรอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับการชาร์จแบตมือถือ ตั้งแต่ปัจจัยที่มีผลต่อความทนทานของแบตเตอรี่ , วิธีการชาร์จแบตที่ถูกต้อง , ปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า ไปจนถึงเคล็ดลับการถนอมแบตเตอรี่ เพื่อให้คุณใช้งานโทรศัพท์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยาวนาน

ปัจจัยที่มีผลต่อความทนทานของแบตเตอรี่ 

ที่ชาร์จแบต

ความทนทานของแบตเตอรี่โทรศัพท์เสื่อม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อหรือรุ่นของโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ จะช่วยให้คุณดูแลแบตเตอรี่ได้อย่างเหมาะสม และยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

1. รอบการชาร์จหรือการปล่อยประจุ (Charge/Discharge Cycles)

แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่เป็นแบบลิเธียมไอออน ซึ่งมีอายุการใช้งานจำกัดเป็นรอบการชาร์จแบต (Charge Cycle) หนึ่งรอบการชาร์จแบต หมายถึง การใช้งานแบตเตอรี่จนหมด 100% ไม่จำเป็นต้องเป็นการชาร์จแบตจาก 0% ถึง 100% ในครั้งเดียว เช่น คุณอาจใช้งานแบตเตอรี่ไป 50% แล้วชาร์จแบตจนเต็ม จากนั้นใช้งานไปอีก 50% จนหมด นี่ก็นับเป็น 1 รอบการชาร์จแบต เมื่อรอบการชาร์จแบตครบตามจำนวนที่กำหนด ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ก็จะเริ่มลดลง ดังนั้นการใช้งานและการชาร์จแบตอย่างเหมาะสมจึงสำคัญ

2. อุณหภูมิ (Temperature)

อุณหภูมิเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออายุแบตเตอรี่ การใช้งานโทรศัพท์ในสภาพอากาศร้อนจัด หรือปล่อยให้โทรศัพท์โทรศัพท์ร้อนเป็นเวลานาน จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ในทางกลับกัน อุณหภูมิที่เย็นจัดก็ไม่ดีต่อแบตเตอรี่เช่นกัน อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานและชาร์จแบตโทรศัพท์คือ 16°C ถึง 22°C ควรหลีกเลี่ยงการวางโทรศัพท์ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ตากแดดในรถ หรือใกล้แหล่งความร้อน

3. ตัวชาร์จ (Charger)

การใช้สายชาร์จและหัวชาร์จแบตโทรศัพท์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้คุณภาพ อาจทำให้กระแสไฟไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว หรือเกิดปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า ควรเลือกใช้ที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ที่เป็นของแท้ หรือแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน และเหมาะสมกับรุ่นโทรศัพท์ของคุณ 

วิธีชาร์จแบตที่ถูกต้อง 

วิธีชาร์จแบตที่ถูกต้อง

เพื่อให้แบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควรชาร์จแบตอย่างถูกวิธี ดังนี้

  1. ใช้ที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ที่ได้มาตรฐาน : เลือกใช้สายชาร์จแบตโทรศัพท์และหัวชาร์จแบตที่เป็นของแท้ หรือแบรนด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน หลีกเลี่ยงที่ชาร์จแบตราคาถูก หรือไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย หรือเกิดอันตรายได้
  2. ชาร์จแบตเมื่อแบตเตอรี่เหลือประมาณ 20-30% : ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงค่อยชาร์จแบต การชาร์จแบตก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีกว่า
  3. ถอดปลั๊กเมื่อชาร์จแบตเต็มแล้ว : เมื่อชาร์จแบตเต็มแล้ว ควรชาร์จแบตออกทันที การชาร์จแบตอยู่นานเกินไป หรือชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืน อาจทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนสะสม และเสื่อมเร็วขึ้น
  4. หลีกเลี่ยงการใช้งานโทรศัพท์ขณะชาร์จแบต : การเล่นเกม ดูหนัง หรือใช้งานแอปพลิเคชันหนักๆ ขณะชาร์จแบต จะทำให้โทรศัพท์เกิดความร้อนสะสม และส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่ หากจำเป็นต้องใช้งานจริงๆ ควรใช้งานเบาๆ และหลีกเลี่ยงการใช้งานหนัก

ปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า เกิดจากสาเหตุใด

ปัญหาแบตชาร์จไม่เข้า เป็นปัญหาที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือหลายคนต้องเคยเจอ เมื่อเกิดปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า ชาร์จแบตไม่ขึ้น หรือ ชาร์จแบตแล้วแบตไม่ขึ้น อาจทำให้เกิดความกังวลและหงุดหงิด สาเหตุของปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า มีได้หลายประการ ดังนี้

  • สายชาร์จแบตโทรศัพท์ หรือหัวชาร์จแบตเสียหาย สายชาร์จและหัวชาร์จแบต เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานบ่อยและอาจเสียหายได้ง่าย ลองตรวจสอบสายชาร์จหรือหัวชาร์จของคุณว่ามีรอยขาด ชำรุด หรือเสียหายหรือไม่ หากพบความเสียหาย ควรเปลี่ยนอุปกรณ์นั้นใหม่
  • พอร์ตชาร์จโทรศัพท์สกปรก หรือมีสิ่งแปลกปลอม พอร์ตชาร์จแบตโทรศัพท์อาจมีฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกเข้าไปสะสม ทำให้หน้าสัมผัสไม่ดี และชาร์จแบตไม่เข้า ลองทำความสะอาดพอร์ตชาร์จแบตเบาๆ ด้วยแปรงขนาดเล็ก หรือลมเป่า
  • แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ  เมื่อแบตเตอรี่ใช้งานมานาน หรือผ่านการชาร์จแบตมาหลายรอบ แบตเตอรี่อาจเริ่มเสื่อมสภาพ และไม่สามารถเก็บประจุไฟได้เหมือนเดิม ในกรณีนี้ อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตไอโฟน หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่โทรศัพท์ใหม่
  • ปัญหาจากซอฟต์แวร์ ในบางกรณี ปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า อาจเกิดจากข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์ ลองรีสตาร์ทโทรศัพท์ของคุณ หรืออัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
  • ปัญหาที่เมนบอร์ด หรือวงจรไฟฟ้า หากลองแก้ไขเบื้องต้นแล้วยังชาร์จแบตไม่เข้า อาจเป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่านั้น เช่น ปัญหาที่เมนบอร์ด หรือวงจรไฟฟ้าภายในเครื่อง ในกรณีนี้ควรนำโทรศัพท์ไปให้ร้านที่เชี่ยวชาญตรวจสอบและซ่อมแซม

อ่านบทความเพิ่มเติม พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank) ชาร์จเร็ว ของแท้ ราคาถูก ประกันศูนย์

วิธีแก้ปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า ทำอย่างไร

แก้ปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า

เมื่อเจอปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า อย่าเพิ่งตกใจ ลองทำตามวิธีแก้ไขเบื้องต้นเหล่านี้ก่อน

  1. ตรวจสอบสายชาร์จและหัวชาร์จแบต ลองเปลี่ยนสายชาร์จและหัวชาร์จแบตใหม่ หากมีสายชาร์จแบตtypec หรือหัวชาร์จแบตโทรศัพท์สำรอง ลองนำมาใช้ทดสอบดูก่อน
  2. ทำความสะอาดพอร์ตชาร์จ ใช้แปรงขนาดเล็ก หรือลมเป่า ทำความสะอาดพอร์ตชาร์จแบตเบาๆ เพื่อขจัดฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรก
  3. รีสตาร์ทโทรศัพท์ การรีสตาร์ทโทรศัพท์จะช่วยแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์บางอย่างที่อาจเป็นสาเหตุให้ชาร์จแบตไม่เข้า
  4. ลองชาร์จแบตในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิเหมาะสม หากโทรศัพท์โทรศัพท์ร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไป อาจทำให้ชาร์จแบตไม่เข้า ลองนำโทรศัพท์ไปชาร์จแบตในที่ที่มีอุณหภูมิห้องปกติ
  5. ตรวจสอบและอัปเดตซอฟต์แวร์ ตรวจสอบว่าโทรศัพท์ของคุณมีซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ หากมีเวอร์ชันใหม่ให้อัปเดต ก็ควรอัปเดตให้เรียบร้อย

ความเชื่อผิดๆ ในการแก้ปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า

  • การเคาะ หรือเขย่าโทรศัพท์แรงๆ  การกระทำเหล่านี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า และอาจทำให้ภายในเครื่องเสียหายได้
  • การแช่แข็งโทรศัพท์  ความเย็นจัดไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาชาร์จแบตไม่เข้า และอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายถาวร

หากลองทำตามวิธีแก้ไขเบื้องต้นทั้งหมดแล้วยังชาร์จแบตไม่เข้า ควรรีบนำโทรศัพท์ไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง

ที่ชาร์จแบตไร้สาย (Wireless Charging) ดีจริงไหม?

ที่ชาร์จแบตไร้สาย เป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสะดวกที่ไม่ต้องเสียบสายชาร์จ เพียงแค่วางโทรศัพท์ลงบนแท่นชาร์จแบตไร้สาย ก็สามารถชาร์จแบตได้ทันที ที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ไร้สาย จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานมือถือในปัจจุบัน

ข้อดีของที่ชาร์จแบตไร้สาย

  • สะดวกสบาย : ไม่ต้องเสียบสายชาร์จให้ยุ่งยาก เพียงแค่วางโทรศัพท์ลงบนแท่นชาร์จ
  • ลดความเสียหายของพอร์ตชาร์จ : เนื่องจากไม่ต้องเสียบสายชาร์จบ่อยๆ จึงช่วยลดความเสี่ยงที่พอร์ตชาร์จแบตจะเสียหาย
  • ดูทันสมัย : ที่ชาร์จแบตไร้สายช่วยให้โต๊ะทำงาน หรือหัวเตียงของคุณดูเป็นระเบียบและทันสมัยมากขึ้น

ข้อจำกัดของที่ชาร์จแบตไร้สาย

  • ชาร์จแบตช้ากว่า : โดยทั่วไป การชาร์จแบตแบบไร้สาย จะช้ากว่าการชาร์จแบตด้วยสาย โดยเฉพาะที่ชาร์จแบตมือถือแบบเร็วแบบมีสาย จะเร็วกว่าที่ชาร์จแบตไร้สายมาก
  • ตำแหน่งการวางต้องแม่นยำ : การชาร์จแบตไร้สาย จะต้องวางโทรศัพท์ให้ตรงตำแหน่งบนแท่นชาร์จ หากวางไม่ตรง อาจทำให้ชาร์จแบตไม่เข้า หรือชาร์จแบตได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
  • ราคาแพงกว่า : ที่ชาร์จแบตไร้สาย มักจะมีราคาสูงกว่าที่ชาร์จแบตแบบมีสาย

ที่ชาร์จแบตไร้สาย เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นความสะดวกสบาย และไม่รีบร้อนในการชาร์จแบต หากคุณต้องการความรวดเร็วในการชาร์จแบต การชาร์จแบตแบบมีสายยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า นอกจากนี้ หากคุณต้องการที่ชาร์จแบตในรถ ที่ชาร์จแบตมือถือในรถแบบมีสาย ก็ยังคงเป็นที่นิยมและมีประสิทธิภาพมากกว่า ที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ในรถยนต์ type-c แบบไร้สายในปัจจุบัน

อ่านบทความเพิ่มเติม 12 โทรศัพท์แบตทน ใช้งานได้ยาวนาน ราคาไม่แรง อัปเดทปี 2025

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการชาร์จแบตมือถือ 

1. ชาร์จแบตทิ้งไว้ข้ามคืน จะทำให้แบตเสื่อมจริงหรือ?

คำตอบ  โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ มีระบบจัดการพลังงานที่ชาญฉลาด เมื่อชาร์จแบตเต็ม 100% แล้ว ระบบจะตัดไฟอัตโนมัติ ดังนั้นการชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืน ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมโดยตรง แต่การชาร์จแบตอยู่นานเกินไป อาจทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนสะสม และส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานในระยะยาว แนะนำให้ถอดปลั๊กเมื่อชาร์จแบตเต็มแล้ว หรือตั้งเวลาชาร์จแบตให้พอดี

2. ควรชาร์จแบตเมื่อแบตเตอรี่เหลือเท่าไหร่?

คำตอบ แนะนำให้ชาร์จแบตเมื่อแบตเตอรี่เหลือประมาณ 20-30% ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงค่อยชาร์จแบต การชาร์จแบตก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีกว่า

3. Fast Charging ดีต่อแบตเตอรี่หรือไม่?

คำตอบ Fast Charging เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์และสะดวกสบาย แต่ก็ต้องใช้งานอย่างเข้าใจและระมัดระวัง Fast Charging ในปัจจุบันมีความปลอดภัยมากขึ้น และถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน แต่หากต้องการยืดอายุแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุด การชาร์จแบตแบบปกติ (ความเร็วมาตรฐาน) ในอุณหภูมิที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงความร้อน ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในระยะยาวครับ

4. แบตเตอรี่มือถือมีอายุการใช้งานกี่ปี?

คำตอบ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่มือถือ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี หรือประมาณ 300-500 รอบการชาร์จแบต ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษาแบตเตอรี่ของแต่ละบุคคล

5. ชาร์จแบตไม่เต็ม 100% จะมีผลเสียหรือไม่?

คำตอบ การชาร์จแบตไม่เต็ม 100% ไม่ได้มีผลเสียต่อแบตเตอรี่ ในทางกลับกัน การชาร์จแบตแค่ประมาณ 80-90% อาจช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีกว่าการชาร์จแบตจนเต็ม 100% เป็นประจำ

6. ชาร์จมือถือไป เล่นไป อันตรายไหม? 

คำตอบ ไม่แนะนำให้การชาร์จมือถือไป เล่นไป เพราะจะทำให้โทรศัพท์เกิดความร้อนสะสมมากขึ้น และอาจส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่ และอุปกรณ์ภายในเครื่อง นอกจากนี้ ยังอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ หากเกิดอุบัติเหตุ เช่น ไฟฟ้ารั่ว หรือแบตเตอรี่ระเบิด

เคล็ดลับถนอมแบตมือถือ

เพื่อให้แบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากการชาร์จแบตที่ถูกต้องแล้ว ยังมีเคล็ดลับอื่นๆ ที่คุณสามารถทำตามได้ เพื่อถนอมแบตเตอรี่มือถือของคุณ

  1. หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง อย่าปล่อยให้โทรศัพท์โทรศัพท์ร้อน หรืออยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน
  2. ลดความสว่างหน้าจอ การลดความสว่างหน้าจอลง จะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้
  3. ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งาน แอปพลิเคชันที่ทำงานเบื้องหลัง จะใช้พลังงานแบตเตอรี่โดยไม่จำเป็น ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งาน เพื่อประหยัดพลังงาน
  4. ปิด Wi-Fi, Bluetooth, GPS เมื่อไม่ใช้งาน ฟังก์ชันเหล่านี้จะใช้พลังงานแบตเตอรี่ แม้ไม่ได้ใช้งาน ปิดฟังก์ชันเหล่านี้เมื่อไม่จำเป็น
  5. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน โทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่มีโหมดประหยัดพลังงาน เปิดใช้งานโหมดนี้เมื่อต้องการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่
  6. อัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ผู้ผลิตมักจะปรับปรุงระบบจัดการพลังงานในซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ๆ อัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น