ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ iPhone หลายคนต้องเผชิญเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะใช้ iphone รุ่นไหน เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม ก็จะส่งผลต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเปลี่ยนแบตไอโฟน จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บทความนี้ Alottech มาชวนทำความเข้าใจเกี่ยวกับแบตเตอรี่ไอโฟนกันก่อน
สารบัญบทความ
สังเกตอาการแบตเสื่อม
1. แบตหมดไวผิดปกติ
อาการยอดฮิตที่สังเกตได้ง่ายที่สุดคือ แบตไอโฟนหมดเร็วกว่าปกติ ทั้งๆ ที่ใช้งานเหมือนเดิม หรือใช้งานน้อยกว่าเดิม เช่น เคยใช้ได้ทั้งวัน แต่ตอนนี้แค่ไม่กี่ชั่วโมงแบตก็หมดแล้ว บางครั้งอาจเกิดจากแอปพลิเคชันบางตัวทำงานหนักเบื้องหลัง หรืออาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่ของคุณเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้เก็บประจุไฟได้น้อยลง
2. เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ลดฮวบฮาบ ไม่เสถียร
อาการนี้คือเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็วแบบผิดปกติ เช่น จาก 50% ลดลงเหลือ 20% ในเวลาอันรวดเร็ว หรือบางครั้งเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่อาจกระโดดไปมา ไม่เสถียร อาการเหล่านี้บ่งบอกว่าการทำงานของแบตเตอรี่ไม่ปกติ และอาจถึงเวลาที่ต้องพิจารณาเปลี่ยนแบต Iphone แล้ว
3. เครื่องดับเอง แม้แบตเตอรี่เหลืออยู่
ในบางครั้ง iphone ของคุณอาจดับเอง ทั้งๆ ที่เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ยังเหลืออยู่ เช่น 20% หรือ 30% เมื่อเปิดเครื่องใหม่ อาจพบว่าเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ลดลงไปอีก หรือกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ดับอีกในเวลาต่อมา อาการนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแบตเตอรี่เริ่มมีปัญหาและอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตไอโฟน
4. แบตเตอรี่บวม ดันหน้าจอ/ฝาหลัง
อาการแบตเตอรี่บวมเป็นอาการที่ร้ายแรงและอันตราย หากคุณสังเกตว่าหน้าจอหรือฝาหลัง iphone ของคุณเริ่มนูนขึ้น หรือมีรอยแยก ให้สันนิษฐานว่าแบตเตอรี่อาจบวม ควรรีบนำเครื่องไปให้ช่างตรวจสอบทันที ห้ามพยายามใช้งานเครื่องต่อ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ กรณีนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตไอโฟนแท้โดยด่วน
5. ประสิทธิภาพเครื่องลดลง เครื่องช้า หน่วง
iphone รุ่นใหม่ๆ มีระบบจัดการประสิทธิภาพแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม ระบบจะลดประสิทธิภาพของเครื่องลง เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ทำให้คุณอาจรู้สึกว่าเครื่องช้าลง หน่วงขึ้น เล่นเกมไม่ลื่นไหลเหมือนเดิม หากคุณเช็คแบต iPhone แล้วพบว่าประสิทธิภาพแบตเตอรี่ต่ำกว่า 80% นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องช้าลง และการเปลี่ยนแบตiphone อาจช่วยให้เครื่องกลับมาเร็วแรงเหมือนเดิมได้
ซื้อไอโฟนรุ่นไหนดี? เปรียบเทียบให้ละเอียดยิบ อัปเดต 2025
สัญญาณเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตไอโฟนแล้ว
สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตไอโฟนของคุณแล้ว ได้แก่
- แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
- เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ลดลงเร็ว หรือไม่เสถียร
- เครื่องดับเอง แม้แบตเตอรี่จะยังเหลือ
- แบตเตอรี่บวม ดันหน้าจอหรือฝาหลัง
- ประสิทธิภาพเครื่องลดลง เครื่องช้า หน่วง
- เมื่อเช็คสุขภาพแบตเตอรี่แล้วพบว่า Maximum Capacity ต่ำกว่า 80%
หากคุณพบสัญญาณเหล่านี้อย่างน้อย 2-3 ข้อ ก็ถึงเวลาที่คุณควรพิจารณาเปลี่ยนแบตไอโฟน เพื่อให้ iphone ของคุณกลับมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ คุณไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพอาจส่งผลเสียต่ออุปกรณ์อื่นๆ ภายในเครื่องได้
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง วิธีย้ายข้อมูล Iphone ไป Iphone & Android ไป Iphone อย่างละเอียด
ราคาเปลี่ยนแบตไอโฟน (iPhone) อัพเดท 2025
ราคาเปลี่ยนแบตไอโฟนราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น และแต่ละสถานที่ให้บริการ โดยทั่วไป ราคาเปลี่ยนแบตไอโฟนที่ศูนย์ราคาจะสูงกว่า เปลี่ยนแบตไอโฟนร้านทั่วไปราคา แต่ก็มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและอะไหล่แท้ ตารางด้านล่างนี้เป็นราคาโดยประมาณสำหรับการเปลี่ยนแบตไอโฟนในรุ่นต่างๆ
รุ่น iPhone | ราคาเปลี่ยนแบตโดยประมาณ (บาท) |
iPhone 11 / 11 Pro / 11 Pro Max | 2,500 – 3,500 |
iPhone 12 / 12 mini / 12 Pro / 12 Pro Max | 2,800 – 4,000 |
iPhone 13 / 13 mini / 13 Pro / 13 Pro Max | 3,200 – 4,500 |
iPhone 14 / 14 Plus / 14 Pro / 14 Pro Max | 3,500 – 5,000 |
iPhone 15 / 15 Plus / 15 Pro / 15 Pro Max | 3,600 – 5,000 |
iPhone 16e / 16 / 16 Plus / 16 Pro / 16 Pro Max | 3,800 – 5,000 |
วิธีเช็คแบต iPhone
คุณสามารถเช็คแบต iPhone ของคุณได้ง่ายๆ ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:
- ไปที่ การตั้งค่า (Settings)
- เลือก แบตเตอรี่ (Battery)
- เลือก สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ (Battery Health & Charging)
ในหน้านี้ คุณจะพบข้อมูลสุขภาพแบตเตอรี่ของคุณ เช่น Maximum Capacity (ความจุสูงสุด) ซึ่งแสดงถึงความจุแบตเตอรี่ของคุณเมื่อเทียบกับตอนที่เป็นของใหม่
อ่านบทความเพิ่มเติม ค้นหาไอโฟนเพื่อน ด้วย Find My iPhone จากค่าย Apple
เคล็ดลับการถนอมแบตไอโฟน
การดูแลรักษาแบตเตอรี่ iphone อย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ และชะลอการเสื่อมสภาพได้ นี่คือเคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณสามารถทำตามได้:
- หลีกเลี่ยงการใช้งาน iPhone ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป: อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน iphone คือ 16° ถึง 22°C (62° ถึง 72°F) การใช้งานในที่ที่ร้อนจัด หรือเย็นจัด จะส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่
- หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% อยู่เสมอ: การชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% เป็นประจำ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น แนะนำให้ชาร์จแค่ประมาณ 80-90% ก็เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อยๆ: การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเป็นประจำ ก็ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่เช่นกัน พยายามชาร์จแบตเตอรี่เมื่อเหลือประมาณ 20-30%
- ใช้งานสายชาร์จและอะแดปเตอร์ของแท้ หรือที่ได้มาตรฐาน: การใช้สายชาร์จและอะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้แบตเตอรี่เสียหาย หรือเกิดปัญหาโทรศัพท์ร้อนขณะชาร์จได้
- อัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ: Apple มักจะปรับปรุงระบบจัดการพลังงานใน iOS เวอร์ชันใหม่ๆ การอัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด จะช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เปิดใช้งาน “การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่” (Optimized Battery Charging): ฟีเจอร์นี้จะช่วยลดการเสื่อมของแบตเตอรี่ โดยจะเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของคุณ และชะลอการชาร์จในช่วง 80-100% คุณสามารถเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ > การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่
เปลี่ยนแบตไอโฟนที่ศูนย์บริการ Apple
การเปลี่ยนแบตไอโฟนที่ศูนย์บริการ Apple เป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือที่สุด เพราะคุณจะได้รับการบริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญ และมั่นใจได้ว่าจะได้รับแบตไอโฟนแท้ นอกจากนี้ หาก iphone ของคุณยังอยู่ในระยะประกัน หรือมี AppleCare+ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการ Apple อาจมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า หรือฟรี (หากเป็นไปตามเงื่อนไข) แต่ข้อเสียของการเปลี่ยนแบตไอโฟนที่ศูนย์ คืออาจมีคิวรอค่อนข้างนาน และมีสาขาน้อยกว่าร้านค้าทั่วไป
ข้อควรรู้ก่อนเปลี่ยนแบตไอโฟน
ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแบตไอโฟน มีข้อควรรู้บางประการที่คุณควรทราบ:
- สำรองข้อมูล (Backup) iPhone ของคุณ : เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย ควรสำรองข้อมูล iphone ของคุณก่อนทำการเปลี่ยนแบตiphone คุณสามารถสำรองข้อมูลได้ผ่าน iCloud หรือ iTunes
- ปิด “ค้นหา iPhone ของฉัน” (Find My iPhone) : ก่อนนำเครื่องไปเปลี่ยนแบตไอโฟนที่ร้าน หรือศูนย์บริการ ควรปิดฟังก์ชัน “ค้นหา iPhone ของฉัน” เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว และเพื่อให้ช่างสามารถดำเนินการซ่อมแซมได้สะดวก
- สอบถามราคาและระยะเวลาการรับประกัน : สอบถามราคาเปลี่ยนแบตไอโฟน จากหลายๆ ร้าน หรือศูนย์บริการ เพื่อเปรียบเทียบราคา และสอบถามระยะเวลาการรับประกันแบตเตอรี่หลังการเปลี่ยน
- ตรวจสอบร้านค้าให้ดี : หากคุณเลือกเปลี่ยนแบตไอโฟนร้านทั่วไป ควรเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ มีรีวิวที่ดี และมีความผู้ชำนาญ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแบตเตอรี่ปลอม หรือการเปลี่ยนแบตที่ไม่ถูกต้อง
- สอบถามเรื่องการรับประกัน : สอบถามร้านค้าเกี่ยวกับเงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่หลังการเปลี่ยน หากเกิดปัญหาหลังการเปลี่ยน คุณจะสามารถนำเครื่องกลับไปให้ร้านตรวจสอบได้
คำถามที่พบบ่อย
1. แบตไอโฟนกี่เปอร์เซ็นถึงควรเปลี่ยน?
คำตอบ โดยทั่วไป หากสุขภาพแบตเตอรี่ (Maximum Capacity) ต่ำกว่า 80% หรือคุณเริ่มสังเกตอาการแบตเตอรี่เสื่อมอย่างชัดเจน ก็ควรพิจารณาเปลี่ยนแบตไอโฟน
2. ถ้ามี Apple Care ต้องเสียเงินเปลี่ยนแบตไอโฟนหรือไม่?
คำตอบ หาก iphone ของคุณมี AppleCare+ และสุขภาพแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่า 80% ภายในระยะเวลา AppleCare+ คุณสามารถเปลี่ยนแบตไอโฟนที่ศูนย์บริการ Apple ได้ฟรี หรือเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของ AppleCare+)
3. เปลี่ยนแบตไอโฟนนานไหม?
คำตอบ ระยะเวลาในการเปลี่ยนแบตไอโฟน อาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ หากเปลี่ยนแบตไอโฟนที่ศูนย์บริการ Apple อาจใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมงหากเปลี่ยนแบตไอโฟนร้านทั่วไป อาจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
4. เปลี่ยนแบตไอโฟนเองได้ไหม?
คำตอบ การเปลี่ยนแบตไอโฟนเอง เป็นสิ่งที่ ไม่แนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้อุปกรณ์เสียหาย และอาจเป็นอันตรายได้
เลือกซื้อโทรศัพท์ iPhone ที่ร้าน Alottech
Alottech ตัวแทนจำหน่ายซิมเน็ตรายปีและสินค้าไอที นอกจากซิมเทพแล้ว เรายังมีโทรศัพท์ไอโฟนและโทรศัพท์รุ่นอื่นๆอีกมากมายให้คุณได้เลือกสรร หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถทักมาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในช่องแชท บนเว็บไซต์ https://www.alottechs.com/ ได้ครับ