Tag Archives: sim

วิธีลงทะเบียนซิม AIS DTAC TRUE ยืนยันตัวตนได้ง่ายๆผ่านมือถือ

ลงทะเบียนซิม

ลงทะเบียนเปิดใช้งานซิมเทพได้ง่ายๆ มีครบทุกเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น DTAC , TRUE และ AIS โดยลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถลงทะเบียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว พร้อมคลิปสอนลงทะเบียน สามารถทำตามคลิปได้เลยครับ

วิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด คือ การลงทะเบียนออนไลน์ผ่านไลน์ลงทะเบียนกลาง สำหรับลูกค้าที่ซื้อซิมรายปีจาก Alot Tech เพียงเพิ่มเพื่อนโดยแอดไลน์ลงทะเบียนมาที่ Line id : @sim-register จากนั้นคลิ๊กลิ้งค์เพื่อกรอกข้อมูลลงทะเบียนแล้วทำตามขั้นตอนด้านล่างได้เลย

ลงทะเบียนซิมออนไลน์ดีอย่างไร?

หลายคนเปลี่ยนจากลงทะเบียนซิมเน็ตรายปีที่สาขาใกล้บ้าน มาเป็นลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์

  1. ลงทะเบียนเปิดใช้งานซิมได้อย่างสะดวก โดยคุณไม่จำเป็นต้องเดินทางเพื่อไปให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ลงทะเบียนให้ คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
  2. เสร็จ ครบ จบ ภายในไม่ถึง 10 นาที 
  3. มีความน่าเชื่อถือ ข้อมูลปลอดภัย เนื่องจากลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์โดยตรง มีความน่าเชื่อถือ มั่นใจได้เลยว่าข้อมูลของคุณจะไม่ไหลรั่วออกไป 

4 สิ่งที่ต้องมีในการลงทะเบียนซิม ปี 2025

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนลงทะเบียนซิมออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์

  1. บัตรประชาชน 
  2. ซิมการ์ด 
  3. สมาร์ทโฟน
  4. เจ้าของเบอร์

หากต้องการลงทะเบียนด้วยตนเองก็ทำตามขั้นตอนด้านล่างได้เช่นกัน

วิธีลงทะเบียนเปิดใช้งานซิม DTAC แบบออนไลน์

  1. นำซิมเทพ DTAC ใส่ถาดซิมมือถือให้เรียบร้อย 
  2. กดเข้าเว็บไซต์ https://www.dtac.co.th/prepaid/registration/  เเละทำตามขั้นตอนการลงทะเบียนซิมที่กำหนด
  3. สเเกนบาร์โค้ดจากบนหน้าซองซิม
  4. เมื่อสแกนเสร็จแล้ว ให้เลือกบัตรประชาชนเป็นเอกสารในการยืนยันตัวตน และถ่ายภาพบัตรประชาชนของตัวเอง (ขั้นตอนนี้แนะนำให้ถ่ายในสถานที่ที่มีแสงสว่างพอดี และถ่ายให้ตัวหนังสือชัดที่สุดนะครับ)
  5. ทำการกด ปุ่มที่มีข้อความว่า คลิกเพื่อถ่ายภาพ (ตัวเอง) 
  6. ระบบจะให้เราถ่ายภาพยืนยันตัวตน ต้องถ่ายภาพ หน้าตรง ไม่สวมหมวก ไม่ใส่แว่น ไม่ใส่แมส หน้าชัด เพื่อยืนยันว่าเป็นคนเดียวกับบัตรประจำตัวประชาชน หรือไม่
  7. ระบบจะให้กรอกข้อมูลตามบัตรประจำตัวประชาชน และกดยืนยันข้อมูล
  8. ระบบจะมีข้อมูลให้อ่านการยอมรับเงื่อนไข เมื่ออ่านครบทุกอย่าง เช็คความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ให้กดตกลงยอมรับเงื่อนไข และระบบจะขึ้นว่า ทะเบียนสำเร็จ
  9. จะมีข้อความ sms เด้งเข้ามาพร้อมอธิบายโปรโมชั่นของซิมเทพ ที่คุณลูกค้า เลือกซื้อ สามารถโทร เล่นเน็ตได้เลยครับ

วิธีลงทะเบียนซิม AIS ผ่านเว็บไซต์

  1. สเเกนบาร์โค้ดจากหน้าซองซิมเทพ AIS เพื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ AIS
  2. ตรวสอบเบอร์โทรที่ต้องการลงทะเบียนซิม ในหน้า “ยืนยันตัวตนเพื่อเปิดใช่งานซิม”
  3. ถ่ายภาพบัตรประชาชน
  4. ถ่ายภาพหน้าตนเองเพื่อยืนยันตัวตน 
  5. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง พร้อมกดยืนยัน
  6. เริ่มใช้งานซิมเน็ตรายปีได้เลย 

ลงทะเบียนซิม AIS ผ่านแอพลิเคชั่น

1. เตรียมบัตรประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการทำการลงทะเบียนซิมให้พร้อม

2. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น myAIS หากมีเเอปอยู่เเล้วให้ทำการอัปเดทให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

  • ผู้ใช้งาน Android กดดาวน์โหลดได้ ที่นี่ https://bit.ly/3rxABRI  
  • ผู้ใช้งาน iOS กดดาวน์โหลดได้ ที่นี่ https://apple.co/3814ROg 

3. เมื่อเปิดใช้งานเเอป ระบบจะขอเข้าถึงกล้องให้กดอนุญาต ให้สแกนบาร์โค้ดบนซิม หรือหน้าซองซิมเพื่อเปิดใช้งาน

4. ทำตามขั้นตอน ในระบบการลงทะเบียน และยืนยันข้อมูล เริ่มใช้งานได้

วิธีลงทะเบียนซิมทรู ผ่านเว็บไซต์

สำหรับใครที่ซื้อซิมรายปีทรูจากเราไปแล้ว แล้วยังไม่รู้ว่าต้องลงทะเบียนอย่างไรบ้าง ผมมีขั้นตอนการลงทะเบียนซิมทรูง่ายๆให้ครับ 

  1. เตรียมบัตรประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการทำการลงทะเบียนให้พร้อม
  2. กดเข้าเว็บไซต์ https://trueservicecall.truecorp.co.th/ ผ่าน Google Chrome หรือ Safari เเล้วทำตามขั้นตอนในระบบ
  3. ระบบจะขออนุญาตเข้าถึงกล้องและไมค์ เพื่อยืนยันตัวตนใบหน้า และเคลื่อนไหวใบหน้าตามคำสั่ง
  4. เมื่อทำเสร็จ ระบบจะขึ้นมาว่า ลงทะเบียนซิมสำเร็จ หลังจากนั้นก็สามารถใช้ซิมเทพได้เลยครับผม

วิธีลงทะเบียนซิม TOT 

สำหรับซิม NT หรือที่รู้จักกันในนามของ “ซิมเทพ NT” เราไม่สามารถลงทะเบียนได้ด้วยตัวเองนะครับ สามารถให้ทาง Alottech ลงทะเบียนซิมให้ หรือสามารถนำซิมไปลงทะเบียนที่ศูนย์บริการ NT (TOT) 

ตอบคำถามเกี่ยวกับการลงทะเบียนซิม 

1. ลงทะเบียนซิมได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยได้มั้ย? 

ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยครับ เนื่องจากเป็นการลงทะเบียนด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ของทางเครือข่ายโดยตรง 

2. ลงทะเบียนซิม DTAC ผ่านไลน์อย่างไร? 

สามารถลงทะเบียนซิม Dtac ผ่านไลน์โดยการเพิ่มไลน์ Dtac Register พร้อมส่งข้อมูลรูปที่ต้องใช้ในการลงทะเบียนซิม คือ

  • รูปซองซิมที่เห็นบาร์โค้ดบนซองซิมชัดเจน
  • รูปเซลฟี่ถือบัตรประชาชน
  • รูปเอกสารการลงทะเบียนซิม ระบุชื่อ นามสกุล หมายเลขที่ลงทะเบียน พร้อมเซ็นกำกับ

3. ลงทะเบียนซิมผ่านเซเว่นได้ไหม? 

ปัจจุบัน 7-11 ลงทะเบียนได้เฉพาะซิมทรูที่จำหน่ายโดย 7-11 เท่านั้น

4. ลงทะเบียนไม่ได้ทำอย่างไรดี?

การลงทะเบียนซิมไม่สำเร็จมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น รูปถ่ายไม่ชัดทำให้ระบบสแกนไม่ได้ อัตลักษณ์ในการยืนยันตัวตนไม่ผ่านจากการเปลี่ยนสีผม ใส่แว่น หรือทำศัลกรรม หากลงทะเบียนไม่ได้ ลองตรวจสอบความถูกต้อง ความคมชัดของรูปถ่าย หรือ ลองลงทะเบียนอีก 1-2 ครั้ง ถ้ายังไม่ได้ต้องนำซิมไปลงทะเบียนที่ศูนย์บริการ

สมาร์ทวอทช์ ปี 2024 สำหรับน้องๆ

สมาร์ทวอทช์ หรือ นาฬิกาอัจฉริยะ ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่นาฬิกาอย่างเดียว หน้าที่พิเศษที่ไม่เหมือนนาฬิกาปกติ คือ นาฬิกาชนิดนี้ทำหน้าที่โทรได้ ระบุตำแหน่งของผู้ใช้งานได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน โดยใช้ฟังก์ชันระบุตำแหน่ง GPS และยังโทรผ่านวิดีโอฉุกเฉิน sos ได้ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณพ่อ คุณแม่ ได้อย่างสบายใจ ดีไซน์ที่ถูกออกแบบมามีสีสันสดใสเป็นที่ชื่นชอบสำหรับเด็กๆ

แล้วทำไม ? ต้องซื้อสมาร์ทวอทช์ให้กับน้องๆ หนู เนื่องจากน้องๆ หนูๆ ไม่สามารถจดจำเส้นทางได้ดี และอาจจะพลัดหลงได้ง่ายในสถานที่คนพลุกพล่าน เช่น ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก ตลาดนัดกลางคืน และอื่นๆ

สมาร์ทวอทช์ ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแม่ๆ พ่อๆ ในยุคสมัยปัจจุบัน ที่ควรค่าแก่การลงทุนให้กับน้องๆ หนูๆ เพื่อความปลอดภัยของน้องๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องนาฬิกาจะหาย เนื่องจากพกพาสะดวก ใส่ติดข้อมือตลอดเวลา ไม่ลืมเอาไปวางที่อื่นแน่นอน 🫣

ขอแนะนำ สมาร์ทวอทช์ นาฬิกาอัจฉริยะ สำหรับเด็ก True Kidz Watch 3rd Edition

 อุปกรณ์ภายในกล่อง  มีอะไรมาให้บ้าง มาดูกันเลย 🫶🏼

1. สมาร์ทวอทช์ True Kidz Watch 3rd Edition

2. สายรัดข้อมือ 4 สี ดังนี้

  • สีขาว
  • สีฟ้า
  • สีชมพู
  • สีดำ  

3. ไขควงขนาดเล็ก

4. สายชาร์จแบบแม่เหล็ก

5. หัวปลั๊กชาร์แบตเตอรี่

6. คู่มือการใช้งาน

คุณสมบัติพิเศษ ของTrue Kidz Watch 3rd Edition 

  1. ระบุตำแหน่งได้แม่นยำด้วยเทคโนโลยี GPS / LBS / WiFi Location เช็คตำแหน่งได้จากแอปพลิเคชั่น
  2. หน้าจอขนาด 1.4 นิ้ว ธีมให้เลือกหลากหลาย พร้อมกราฟิกการ์ตูนสีสันสดใส
  3. ถ่ายรูป และทำการส่งรูปถ่ายไปยังแอปพลิเคชั่นได้อย่างง่ายดาย
  4. โทรออกและรับสายได้กับหมายเลขที่ผูกกับนาฬิกาเท่านั้น บันทึกหมายเลขไว้ได้หลายเบอร์ (สูงสุด 30 หมายเลข)
  5. ส่งข้อความเสียงพูดคุยกันได้ระหว่างแอปพลิเคชั่นและตัวนาฬิกา
  6. ปุ่ม SOS ด้านข้าง เมื่อกดแล้วนาฬิกาจะทำการระบุตำแหน่งและโทรหาเบอร์ผู้ดูแลระบบ
  7. Ram: 512MB
  8. Rom: 4GB
  9. สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนได้ โดยจะทำการแจ้งเตือนเมื่อตำแหน่งนาฬิกาออกนอกขอบเขตพื้นที่ที่บันทึกไว้
  10. สามารถตั้งปิดเสียงนาฬิกาในขณะที่เด็กกำลังเรียนได้ผ่านแอปพลิเคชั่น
  11. แบตเตอรี่ 680 mAh
  12. รองรับสัญญาณ

4G: LTE FDD บนคลื่นความถี่ 850/900/1800/2100 MHz

4G: LTE TDD บนคลื่นความถี่ B41

3G: UMTS บนคลื่นความถี่ 850/900/2100 MHz

2G: GSM 850/900/1800 MHz

มือถือเปียกน้ำ อย่าแช่

มือถือเปียกน้ำ อย่าแช่!!! ไม่ควรแช่ถังข้าวสาร เพราะมันไม่ช่วยแถมยังโดนฝุ่นเข้า เสี่ยงพัง และซ่อมลำบากกว่าเดิมไปอีก #สาระไอที

เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์กันแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปคือในยุคนี้เราๆ ท่านๆ ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรไปที่ไหนก็จะพกมือถือไปด้วยเสมอ แถมมือถือยุคปัจจุบันยังมีมาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่นที่ดีขึ้นอย่างมาก สำหรับมือถือรุ่นเรือธง หรือ มือถือสเปคสูงๆ ของทุกยี่ห้อนั้นมีมาตรฐานกันน้ำอย่างน้อย iP68

ซึ่งระดับ IP68 ที่ว่า สามารถแช่อยู่ในน้ำลึกได้ถึง 1.5 เมตร ด้วยอุณหภูมิ และ ความดันปกติเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นแอดมินบอกเลยว่า ไม่ควรแช่เล่นเด็ดขาด เพราะ มาตรฐานดังกล่าวเป็นการวัดค่าของมือถือในระดับแล็บปฏิบัติการ แต่มือถือของพวกเราๆ ท่านๆ ผ่านการใช้งานมา ยางซีลกันน้ำอาจโดนความร้อนจากเครื่องจนสึกหรอ ไม่สามารถต้านทานน้ำ หรือ ฝุ่นได้เหมือนแกะกล่องใหม่ๆ อีกต่อไป

แต่ถ้าแค่บางครั้ง บางคราวพอได้ ให้พึงระลึกไว้เสมอว่าการป้องกันลักษณะนี้มีไว้สำหรับ “อุบัติเหตุ” เท่านั้น!!! แต่ถ้าสุดแล้วเราพลาด หรือ เกิดอุบัติเหตุที่ว่าจริงๆ เราควรทำอย่างไร ? ได้ยินมาว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตกน้ำให้แช่ถังข้าวสารทิ้งไว้ค้างคืนจะหาย จริงไหม ? ช่วยไหม ? แอดมินตอบตรงนี้เลยว่า “ไม่” อย่าหาทำ!! ไม่คุ้มเสีย

เพราะว่า ข้าวสารนั้นสามารถดูดความชื้นได้จริง แต่ด้วยกระบวนการผลิตมือถือในระดับปัจจุบันนั้น ไม่ได้ต่างจากการวางทิ้งไว้เฉยๆ น้ำออกได้เท่าๆ กัน แถมในถังข้าวสารนั้นมีฝุ่นผงเล็กๆ จากกระบวนการสีข้าวจำนวนมากมีขนาดเล็กมาก

ซึ่งการที่เราเอามือถือไปแช่ในถังข้าวสารอาจทำให้เศษฝุ่นเล็กๆ เหล่านี้เข้าไปตามช่องว่าง หรือ ไปอุดตันพอร์ตชาร์จ ช่องลำโพง หรือ ปุ่มกด หรือ ถ้าฝุ่นเหล่านี้หลุดเข้าไปในวงจร ประกอบกับความชื้น ก็จะเข้าไปเกาะตามแผงวงจร อาจทำให้เสียหายเพิ่มเติมจากการลัดวงจร หรือ สนิมได้

จากที่ ต้องแก้แค่เรื่องความชื้น อาจได้แก้ในเรื่องของฝุ่น หรือ อาจแก้ไม่ได้เลยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำเลยคือ อย่าพยายามกดอะไรมากเมื่อขึ้นจากน้ำ ถอดซิม ปิดเครื่อง และ รีบน้ำไปให้ศูนย์บริการ หรือ เลือกไปร้านใกล้บ้านเพื่อเป่าไล่ความชื้น ระหว่างนั้น ห้ามเสียบสายชาร์จโดยเด็ดขาด!!!

แอดมินแนะนำว่า หากต้องพามือถือสุดรักของเราไปเสี่ยงภัยพิบัติทางน้ำ เช่น เล่นน้ำสงกรานต์ หรือ ปาร์ตี้ริมสระ ให้ทุกท่านหาซองกันน้ำ หรือ เคสกันน้ำไว้จะดีที่สุดครับ แต่ถ้าคุณมาเจอบทความนี้ช้าเกินไป มือถือของคุณเปียกน้ำ ตุยเย่ กลับดาวของน้องแล้ว ร้าน Alot Tech เรามีขายหลายรุ่น!! เลื่อนดูหน้าเพจ แล้ว ทักเข้ามาได้เลย !! 😁

#มือถือตกน้ำ #มือถือเปียกน้ำ

eSIM คืออะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ควรเป็นเบอร์หลักหรือเบอร์รอง?

e-sim

ในปัจจุบันสมาร์ทโฟน หรือ มือถือ แทบจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ทุกคนต้องมี แน่นอนว่าหลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า ซิมการ์ด (Sim Card) กันมาพอสมควร เพราะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สมาร์ทโฟนทุกเครื่องจำเป็นต้องมี เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร เล่นโซเชียลมีเดีย และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว จึงเกิด eSIM ขึ้นมาใหม่ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่น่าจับตามองและได้รับความสนใจมาก ๆ

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า eSIM คืออะไร ทำไมหลายคนถึงให้ความสนใจกับ eSIM มันดีกว่าซิมการ์ดปกติที่เราใช้ยังไงกันนะ ? วันนี้ A LotTech จะพาทุกคนไปทำความรู้จักและเจาะลึกกับ eSIM ว่าคืออะไร แล้วดีกว่ายังไง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย! 

eSIM คืออะไร? 

eSIM หรือ Embedded SIM คือ ซิมการ์ดอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ทำให้มีขนาดเล็กและสะดวกกว่าซิมการ์ดแบบเดิมที่เราคุ้นเคยกัน

จุดเด่นของ eSIM คือขนาดที่เล็กมากๆ Sim มีขนาดเพียง 5×5 มิลลิเมตร ข้อดีคือ สามารถเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ รองรับได้สุงสุด 6 หมายเลขต่ออุปกรณ์( แต่ใช้งานพร้อมกันได้ 1-2 หมายเลขต่ออุปกรณ์ สามารถสลับการใช้งานแต่ละหมายเลขได้ ) คาดว่าในอนาคต eSIM จะถูกใช้มากขึ้นบนอุปกรณ์มือถือและสินค้ากลุ่ม IOT (Internet of Thing) ที่ต้องเชื่อมต่อและสั่งงานอุปกรณ์ผ่านมือถือ

ส่วนที่น่าจะทำให้หลายคนสนใจใช้ eSIM มากขึ้นน่าจะเพราะข้อดีที่ eSIM ถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์ ทำให้เวลาเครื่องหายคนที่เก็บได้จะไม่สามารถถอดซิมจากอุปกรณ์ได้ ตราบใดที่ล็อคเครื่องไว้อุปกรณ์นั้นก็ยังเป็นเบอร์ของคุณอยู่ แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียเช่นกัน ถ้าคุณใช้ eSIM แล้วโทรศัพท์เสีย คุณจะไม่สามารถถอดซิมออกมาใส่เครื่องสำรองได้เช่นกัน ต้องไปทำซิมใหม่หรือเปิด eSIM กับอุปกรณ์เครื่องใหม่ที่ศูนย์เอง

eSIM แตกต่างจาก Sim Card อย่างไร?

หลังจากที่ได้รู้กันแล้วว่า eSIM คืออะไร เรามาดูความแตกระหว่างว่า eSIM กับ Sim Card ทั่วไปกันดีกว่า จุดเด่นที่ทำให้ eSIM แตกต่างและได้เปรียบมากกว่าซิมการ์ดทั่วไป คือ สามารถเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ โดยสามารถรองรับได้สูงสุดมากถึง 6 หมายเลขโทรศัพท์ต่ออุปกรณ์ (ได้ทุกเครือข่าย ทั้งระบบเติมเงินและระบบรายเดือน) แต่จะสามารถใช้งานพร้อมกันได้เพียงแค่ 1-2 หมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น 

ความแตกต่างระหว่าง eSIM กับซิมการ์ดแบบเดิม

ขนาด: eSIM มีขนาดเล็กกว่านาโนซิมมาก (ประมาณ 5×5 มิลลิเมตร) ในขณะที่นาโนซิมมีขนาด 12.3×8.8 มิลลิเมตร ทำให้ประหยัดพื้นที่ในอุปกรณ์

การติดตั้ง: eSIM ถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงานผลิต ไม่สามารถถอดออกได้ ในขณะที่ซิมการ์ดแบบเดิมต้องใส่ในช่องใส่ซิม

การใช้งาน: eSIM สามารถดาวน์โหลดโปรไฟล์ผู้ให้บริการเครือข่ายลงในชิปได้โดยตรง ทำให้สามารถเปลี่ยนผู้ให้บริการได้ง่ายโดยไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ด

ความยืดหยุ่น: eSIM รองรับการใช้งานหลายหมายเลขในอุปกรณ์เดียว (ขึ้นอยู่กับการรองรับของอุปกรณ์และผู้ให้บริการ) ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เบอร์ส่วนตัวและเบอร์ทำงานในเครื่องเดียว

ทำไม eSIM จึงเป็นที่นิยม  

นอกจากข้อดีที่สามารถรองรับหมายเลขโทรศัพท์ได้มากถึง 6 หมายเลขต่ออุปกรณ์แล้ว ข้อดีอีกอย่างที่ทำให้หลายคนเลือกใช้ eSIM คือ อีซิมจะฝังมากับเครื่องตั้งแต่กระบวนการผลิต ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำเครื่องหาย คนที่เก็บได้ก็จะไม่สามารถถอดซิมออกได้ ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีของ eSIM ที่หลายคนให้ความสนใจ 

ข้อดีของ eSIM

สะดวก: ไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ดเมื่อเปลี่ยนผู้ให้บริการหรือเดินทางไปต่างประเทศ

ประหยัดพื้นที่: ทำให้ผู้ผลิตมีพื้นที่มากขึ้นในการออกแบบอุปกรณ์

ปลอดภัย: ลดความเสี่ยงจากการถูกขโมยหรือทำซิมการ์ดหาย

รองรับอุปกรณ์หลากหลาย: นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว eSIM ยังรองรับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ทวอทช์ แท็บเล็ต และแล็ปท็อป

ข้อควรรู้ก่อนใช้ esim

การใช้ eSIM แม้จะสะดวกและมีประโยชน์หลายด้าน แต่ก็มีข้อควรรู้บางประการที่ควรทราบก่อนตัดสินใจใช้งาน

ตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์: สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณรองรับ eSIM หรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นรองรับ eSIM แต่ควรตรวจสอบสเปคของอุปกรณ์หรือสอบถามผู้ผลิตเพื่อความแน่ใจ

ตรวจสอบการรองรับของผู้ให้บริการเครือข่าย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่คุณใช้อยู่รองรับ eSIM และมีแพ็กเกจที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ

ตรวจสอบมือถือที่รองรับ eSIM 

ในปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่รองรับ eSIM ซึ่งหลังจากที่ได้รู้ว่า eSIM คืออะไร พร้อมทั้งข้อดีของ eSIM แล้ว หลายคนน่าจะอยากลองใช้ แต่ไม่มั่นใจว่าสมาร์ทโฟนที่ตัวเองใช้อยู่รองรับหรือเปล่า งั้นมาลองดูกันดีกว่า ว่ามีมือถือรุ่นไหนที่รองรับ eSIM บ้าง

  • iPhone XR (เปิดตัวปี 2018)
  • iPhone XS และ iPhone XS Max (เปิดตัวปี 2018)
  • iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max (เปิดตัวปี 2019)
  • iPhone SE (รุ่นที่ 2) (เปิดตัวปี 2020)
  • iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max (เปิดตัวปี 2020)
  • iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max (เปิดตัวปี 2021)
  • iPhone SE (รุ่นที่ 3) (เปิดตัวปี 2022)
  • iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max (เปิดตัวปี 2022)
  • iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max (เปิดตัวปี 2023)
  • iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max (เปิดตัวปี 2024)

Galaxy S Series

  • Galaxy S20, Galaxy S20+, Galaxy S20 Ultra และ Galaxy S20 FE (เปิดตัวปี 2020)
  • Galaxy S21 5G, Galaxy S21+ 5G และ Galaxy S21 Ultra 5G (เปิดตัวปี 2021)
  • Galaxy S22, Galaxy S22+ และ Galaxy S22 Ultra (เปิดตัวปี 2022)
  • Galaxy S23, Galaxy S23+, Galaxy S23 Ultra และ Galaxy S23 FE (เปิดตัวปี 2023)
  • Galaxy S24, Galaxy S24+ และ Galaxy S24 Ultra (เปิดตัวปี 2024)

Galaxy Note Series

  • Galaxy Note20 และ Galaxy Note20 Ultra (เปิดตัวปี 2020)

Galaxy Z Series (Foldable Phones)

  • Galaxy Fold (เปิดตัวปี 2019)
  • Galaxy Z Flip และ Galaxy Z Flip 5G (เปิดตัวปี 2020)
  • Galaxy Z Fold2 5G (เปิดตัวปี 2020)
  • Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G (เปิดตัวปี 2021)
  • Galaxy Z Fold4 และ Galaxy Z Flip4 (เปิดตัวปี 2022)
  • Galaxy Z Fold5 และ Galaxy Z Flip5 (เปิดตัวปี 2023)
  • Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Flip6 (เปิดตัวปี 2024)
  • Galaxy A SeriesGalaxy A54 (เฉพาะบางภูมิภาค เช่น ยุโรป อเมริกาเหนือ เกาหลี และญี่ปุ่น) (เปิดตัวปี 2023)
  • Huawei P40 และ Huawei P40 Pro (เปิดตัวปี 2020)
  • Huawei Mate 40 Pro (เปิดตัวปี 2020)
  • Oppo Find X3 Pro (เปิดตัวปี 2021)
  • Oppo Reno 5 A (เปิดตัวปี 2021)
  • Oppo Reno 6 Pro 5G (เปิดตัวปี 2021)
  • Oppo A55s 5G (เปิดตัวปี 2021)
  • Oppo Find X5 และ Oppo Find X5 Pro (เปิดตัวปี 2022)
  • Oppo Find N2 Flip (เปิดตัวปี 2023)
  • Oppo Reno 9A (เปิดตัวปี 2023)
  • vivo X90 Pro (เปิดตัวปี 2022/2023)
  • vivo X100 Pro (เปิดตัวปี 2023) 
  • vivo V29 5G (เปิดตัวปี 2023)
  • vivo V29 Lite (เปิดตัวปี 2023)
  • Xiaomi 12T Pro (เปิดตัวปี 2022)
  • Xiaomi 13, Xiaomi 13 Pro และ Xiaomi 13 Lite (เปิดตัวปี 2023)
  • Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro (เปิดตัวปี 2023)
  • Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Pro (เปิดตัวปี 2023/2024)
  • Redmi Note 11 Pro 5G (เปิดตัวปี 2022) (เฉพาะบางภูมิภาค)
  • Redmi Note 13 Pro และ Redmi Note 13 Pro+ (เปิดตัวปี 2023)

ขั้นตอนง่าย ๆ ในการขอ eSIM 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองใช้ eSIM ปัจจุบันมีหลายวิธีที่สามารถทำเพื่อขอรับ eSIM โดยคุณสามารถเลือกได้ตามความ ได้แก่ 

  1. ติดต่อศูนย์บริการใกล้บ้านทุกสาขาทั่วประเทศ โดยให้คุณไปติดต่อกับพนักงานตามศูนย์บริการเครือข่ายที่ใช้งาน ทั้งนี้อย่าลืมเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วยล่ะ 
  2. ดาวน์โหลด eSIM ผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนได้ด้วยตัวเอง  โดยระหว่างที่ดาวน์โหลด eSIM เครื่องต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านซิมที่อยู่ในเครื่อง หรือ Wi-Fi ก็ได้ 
  3. ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชัน (ขึ้นอยู่กับเครือข่ายตามการใช้งาน)

eSIM กับซิมเน็ตรายปี

อย่างที่ได้พูดข้างต้นว่า eSIM คือ ซิมที่ฝั่งมากับตัวเครื่องและสามารถรองรับได้สูงสุด 6 หมายเลข สามารถรองรับได้ทุกเครือข่ายและทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบเติมเงินและรายเดือน ซึ่งการนำ eSIM มาใช้ร่วมกับซิมเน็ตรายปี ยิ่งจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้อีกมาก 

สามารถดูรายละเอียดและทำความรู้จักกับ ซิมเน็ตรายปี ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของคุณลงได้ที่นี่ คลิกเลย!

สำหรับใครที่สนใจซิมเน็ตรายปีหรือซิมเทพ วันนี้ทาง ALotTech ได้คัดเอาซิมเน็ตรายปี สุดคุ้มทุกเครือข่ายมาไว้ให้ทุกคนได้เลือกตามความเหมาะสมในการใช้งานแล้ว ดังนี้ 

  1. ซิมเทพธอร์ หนึ่งในโปรยอดฮิตของซิมทรูเน็ตรายปี เล่นเน็ตได้ตลอดทั้งเดือนแบบไม่ลดสปีดที่ความเร็ว 15 Mbps ตลอดระยะเวลา 12 เดือน และยังได้รับสิทธิพิเศษโทรฟรีในเครือข่ายไม่อั้น 30 นาทีต่อครั้ง และ โทรฟรีนอกเครือข่าย 60 นาทีต่อเดือน ดูรายละเอียด ซิมเทพธอร์ เพิ่มเติม คลิกเลย!
  2. ซิมมาราธอน จากค่ายดังอย่าง AIS  เล่นเน็ตได้ตลอดทั้งเดือนแบบไม่ลดสปีดที่ความเร็ว 15 Mbps จำนวน 100GB ต่อเดือนตลอดระยะเวลา 12 เดือน และยังได้รับสิทธิพิเศษโทรฟรีในเครือข่ายไม่อั้น 30 นาทีต่อครั้ง และ โทรฟรีนอกเครือข่าย 60 นาทีต่อเดือน ดูรายละเอียด ซิมเทพ AIS เพิ่มเติม คลิกเลย!
  3. ซิมคงกระพัน จาก DTAC  เล่นเน็ตได้ตลอดทั้งเดือนแบบไม่ลดสปีดที่ความเร็ว 15 Mbps ตลอดระยะเวลา 12 เดือน และยังได้รับสิทธิพิเศษโทรฟรีในเครือข่ายไม่อั้น 15 นาทีต่อครั้ง และ โทรฟรีนอกเครือข่าย 60 นาทีต่อเดือน ดูรายละเอียด ซิมเทพ DTAC เพิ่มเติม คลิกเลย!

คำถามที่พบบ่อย

1. eSIM ใช้กับ android ได้ไหม? 

eSIM สามารถใช้ร่วมกับระบบ Android ได้ ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Huawei, Oppo และ อื่น ๆ ทั้งนี้แนะนำให้คุณลองเช็กว่ารุ่นสมาร์ทโฟนที่ตนเองใช้อยู่รองรับ eSIM หรือไม่  

2. เมื่อ eSIM ถูกฝังอยู่ในเครื่อง เราสามารถยกเลิกได้หรือไม่ ? 

คุณสามารถยกเลิก eSIM ได้ตามปกติ โดยแจ้งขอยกเลิกกับศูนย์บริการ เมื่อยกเลิก eSIM แล้ว เบอร์ที่ใช้งานจะถูกเปลี่ยนคืนเป็นซิมการ์ดปกติ 

3. eSIM ควรเป็นเบอร์หลักหรือรอง?

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของแต่ละคน โดย eSIM สามารถใช้งานได้เป็นทั้งเบอร์หลักและเบอร์รอง

มารู้จัก “IOT” Internet Of Things เมื่อทุกอย่างสั่งการได้จากอินเทอร์เน็ต

หากถามว่าเครือข่ายอะไรที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันมากที่สุดในปัจจุบัน คำตอบคงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพราะการใช้ชีวิตและการทำงานในปัจจุบันต้องใช้อินเทอร์เน็ตแทบจะทุกช่วงเวลาในทุกกิจกรรม การเชื่อมโยงต่าง ๆ ไม่เพียงเฉพาะกับผู้คน แต่อินเทอร์เน็ตยังเชื่อมโยงเราเข้ากับสารพัดอุปกรณ์ ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า IOT หรือ Internet Of Things

              Internet Of Things หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่งหรืออินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง คือเทคโนโลยีที่นำเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นเน็ตบ้านหรือเน็ตมือถือผ่านซิมเน็ตเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่เรียกว่าอุปกรณ์อัจฉริยะ ซึ่งก็คืออุปกรณ์ในชีวิตประจำวันทั่วไป เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ ที่ถูกพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อและสั่งการผ่านอินเทอร์เน็ตได้

              IOT หรือ Internet Of Things ถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า M2M หรือ Machine to Machine คือเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์กับอุปกรณ์ ผ่านการควบคุมโดยคนหรือระบบปัญญาประดิษฐ์อัตโนมัติ ซึ่งตัวอุปกรณ์ที่ว่าจะทำงานโดยมีสิ่งที่เรียกว่าชิปประมวลผลหรือ RFID ตัวเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถสื่อสาร ตอบรับและตอบโต้กับอุปกรณ์สั่งการเช่นโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ได้

              สำหรับการแบ่งประเภทของ Internet Of Things ถูกแบ่งคร่าว ๆ ไว้สองประเภทคือ

  1. Industrial IOT หรืออินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่งที่เชื่อมโยงเครือข่ายแบบเปิด เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตผ่าน IP network
  2. Commercial IOT หรืออินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่งที่เชื่อมโยงเครือข่ายแบบปิด โดยสื่อสารสั่งการเฉพาะอุปกรณ์ภายในกลุ่มองค์กรเดียวกัน ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตภายนอก

เมื่อรู้จัก IOT หรือ Internet Of Things กันพอสมควรแล้ว ต่อไปลองมาดูกันว่า อุปกรณ์อะไรบ้างที่เป็น IOT และมันใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง

สมาร์ทโฟน

อุปกรณ์พื้นฐานหลักที่จำเป็นสำหรับ IOT คืออุปกรณ์ควบคุมสั่งการและวิเคราะห์ข้อมูล ก็คือตัวโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการควบคุมสั่งการ IOT อีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญมาก ๆ หากต้องการให้การควบคุมสั่งการอุปกรณ์ IOT ต่าง ๆ ภายในบ้านหรือสำนักงานให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วทันใจ ไม่ติดขัด ก็คือซิมเน็ตที่ใช้ในมือถือ ซึ่งต้องมีความเร็วและแรงในระดับที่รองรับการใช้งานอุปกรณ์หลาย ๆ ตัวพร้อมกันได้ แน่นอนว่าหนึ่งในซิมที่คุ้มค่าและเหมาะกับการใช้งานก็น่าจะเป็นซิมรายปีที่เรียกว่า ซิมเทพ ที่มีแพคเก็จความเร็วเน็ตให้เลือกมากมายในราคาที่ไม่แพง

รถยนต์

รถยนต์ถือเป็นอุปกรณ์ในหมวดยานพาหนะที่ถูกคาดหวังว่าจะนำเทคโนโลยี IOT มาใช้งานได้เป็นประโยชน์มากที่สุด ในปัจจุบันรถยนต์ได้รับการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ควบคุมการสตาร์ทเครื่องยนต์ การเปิดปิดเครื่องปรับอากาศล่วงหน้าและการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้ความเร็ว พิกัด GPS สภาพเครื่องยนต์ สภาพห้องโดยสาร รวมไปถึงการประเมินและแจ้งเตือนระยะเวลาการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถยนต์

เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

เดี๋ยวนี้อุปกรณ์หรือเฟอร์นิเจอร์ เครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้านล้วนถูกเรียกว่าสมาร์ทแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ทีวี ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ เตาแก๊ส เครื่องทำน้ำร้อน หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องชงกาแฟ ทุกอย่างมีระบบประมวลผลที่เชื่อมต่อกับเจ้าของบ้านผ่านสมาร์ทโฟน ระบบคลาวน์และ A.I. ที่สูงล้ำไปถึงระดับที่สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจแทนเจ้าของบ้านได้ด้วยในบางอุปกรณ์ ปัจจุบันในบ้านที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ IOT แบบที่เรียกว่าสมาร์ทโฮม เจ้าของบ้านสามารถควบคุม สั่งการอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านได้จากระยะไกลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต IOT เช่นการเปิดเครื่องปรับอากาศก่อนที่เจ้าของบ้านจะมาถึง การอุ่นกาแฟล่วงหน้า การเปิดปิดเครื่องซักผ้าจากนอกบ้าน หรือแม้แต่การติดตามค้นหากุญแจบ้าน หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่ถูกวางผิดไปจากตำแหน่งประจำ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

สำหรับเทคโนโลยี IOT ในปัจจุบัน ไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกได้ในระดับครัวเรือนหรือสำนักงานเท่านั้น แต่มันยังถูกพัฒนาเชื่อมโยงไปสู่ระดับเมืองแบบที่เรียกว่า สมาร์ทซิตี้ หรือเมืองอัจฉริยะ ผู้คนในเมืองสามารถเชื่อมต่อระบบของเมืองเช่น ระบบขนส่งมวลชน รถเมล์ รถไฟฟ้า สาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่นไฟฟ้า น้ำประปา ระบบสาธารณสุขและการรับทราบข้อมูลข่าวสารของทางการผ่านเครือข่ายอุปกรณ์มือถือด้วย IOT ได้ทั้งหมด

Internet Of Things เหมือนการย่อโลกเข้ามาไว้ในมือถือ ช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างระบบตรวจสอบ ป้องกันให้เกิดความทันสมัยและปลอดภัยในการใช้ชีวิตมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าพื้นฐานของการเชื่อมต่อก็คือสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเน็ตมือถือ ดังนั้นหากเราต้องการใช้งานเทคโนโลยี IOT ให้มีประสิทธิภาพ เราควรใช้ซิมเน็ตที่มีคุณภาพ และซิมเทพแบบซิมรายปีก็ถือเป็นซิมเน็ตที่มีความเหมาะสมในแง่ของความเร็ว ความแรงของอินเทอร์เน็ตแถมยังมีให้เลือกหลากหลาย และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

แนะนำซิมเทพน้องใหม่จากดีแทค คงกระพันธานอส

คงกระพันธานอส หรือ Dtac Max speed 100 GB ซิมเทพน้องใหม่จากดีแทค ที่มาพร้อมเน็ตความเร็วสูงสุด 100 mbps จำนวน 100 GB/เดือน แถมมาด้วยโปรโมชั่นโทรฟรีทุกเครือข่าย ครั้งละ 15 นาที (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง)

สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารของซิมเทพอยู่เสมอคงทราบว่าปัจจุบันซิมเทพที่โทรฟรีทุกเครือข่ายตอนนี้มีแต่ดีแทคเท่านั้นที่ทำออกมา ซึ่ง 2 ซิมของดีแทคที่มีโปรโทรฟรีทุกเครือข่ายต่างก็มีจุดที่ยังไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเน็ตแรงๆ ปริมาณข้อมูลมากๆ เพราะดีแทค อินฟินิตี้ แม้เน็ตจะไม่อั้น ไม่ลดสปีด แต่ก็ได้ความเร็ว 4 mbps ซึ่งก็พอเพียงสำหรับดูหนัง ฟังเพลง ท่องเวบ แต่อาจไม่ดีพอสำหรับการไลฟ์สด ส่วน Dtac Turbo ที่เน็ตแรง 100 mbps ก็มีปริมาณข้อมูลที่ 60 GB สำหรับคนที่ดูหนังบ่อยๆ จำนวน 60 GB อาจไม่เพียงพอ ซิมคงกระพันธานอสจึงออกมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่มากขึ้น ปริมาณเน็ตที่ให้มา 100 GB ต่อเดือน สามารถดูหนังแบบ Full HD ได้วันละ 1-2 เรื่อง สบายๆเลย แต่ถ้าเป็นหนัง4k ก็ดูได้ราวๆ 10-15 วัน

การเข้ามาทำการตลาดครั้งนี้ของดีแทค โดยตั้งราคา 1,850 บาท /ปี สร้างความท้าทายให้ซิมเทพธอร์ของทรูมูฟอย่างมาก ว่ากันตามตรงซิมทั้งสองประเภทต่างก็มีมีจุดเด่นที่ต่างกัน คงกระพันธานอส จุดเด่นคือเน็ตแรงเต็มสปีด 100 mbps และโทรฟรีทุกเครือข่าย แต่จำนวนข้อมูลให้มาจำกัด100 GB ต่อเดือน หลังจากนั้นความเร็วจะลดเป็น 128 kbps เมื่อครบเดือนความเร็วก็จะกลับมาที่ 100 mbps อีกครั้ง ส่วนซิมเทพธอร์มีจุดเด่นที่ความเร็วที่ไม่อั้น ไม่ลดสปีด โดยความเร็วเน็ตที่ให้มาคือ 10 mbps และโทรฟรีเฉพาะเครือข่ายทรู

ถ้าจะให้แนะนำว่าควรใช้ซิมตัวไหนมากกว่ากัน ผมมีเกณฑ์เพื่อใช้เปรียบเทียบดังนี้ครับ

  1. ราคา ทั้งสองซิมมีราคาไม่ต่างกันมาก คงกระพันธานอส ราคา 1850 บาท ซิมเทพธอร์ 1890 บาท ต่างกันนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าคงกระพันธานอสถูกกว่า
  2. ถ้าเน้นโทร และใช้เน็ตไม่เกิน 100 GB ต่อเดือน แนะนำคงกระพันธานอสครับ ( ค่าเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ในการใช้งานเน็ตจะอยู่ที่ 60-80 GB ต่อเดือน)
  3. ถ้าใช้งานเน็ตปริมาณมากด้วยความเร็วที่ลื่นไหล ไม่สะดุด ( 10 mbps เป็นความเร็วที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทุกประเภท) แนะนำให้ใช้ซิมเทพธอร์ครับ ยิ่งต้องนำไปติดกับอุปกรณ์ GPS กล้องวงจรปิด แทบเล็ต (ไว้เรียนออนไลน์ ดูหนัง ) แนะนำเลยครับ

เพิ่มเติมสำหรับพนักงานไรเดอร์ที่ต้องใช้เน็ตและโทรบ่อย หากไม่ได้ใช้เน็ตดูหนังบ่อยขยับมาใช้ดีแทคเทอร์โบ (Dtac Turbo)ก็ได้ ราคา 1370 บาท ( เน็ต 100 mbps 60 GB/เดือน)

การมาของซิมธานอสได้สร้างตัวเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น ปิดช่องว่างให้คนที่ชอบโทร ชอบเล่นเน็ตได้มีทางเลือกในการใช้งานมากขึ้น ข้อสำคัญคือค่าบริการที่ถูก เมื่อหารต่อเดือนจะเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 155 บาท หรือวันละประมาณ 5 บาทเท่านั้น คุ้มมว๊ากกกก !!! ว่าแล้วก็ดีดนิ้วแล้วเตรียมตัวชอปปิ้งได้เลย จังหวะนี้ซิมธานอสต้องมาแล้ว !!!