eSIM คืออะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ควรเป็นเบอร์หลักหรือเบอร์รอง?

e-sim

ในปัจจุบันสมาร์ทโฟน หรือ มือถือ แทบจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ทุกคนต้องมี แน่นอนว่าหลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า ซิมการ์ด (Sim Card) กันมาพอสมควร เพราะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สมาร์ทโฟนทุกเครื่องจำเป็นต้องมี เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร เล่นโซเชียลมีเดีย และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว จึงเกิด eSIM ขึ้นมาใหม่ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่น่าจับตามองและได้รับความสนใจมาก ๆ

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า eSIM คืออะไร ทำไมหลายคนถึงให้ความสนใจกับ eSIM มันดีกว่าซิมการ์ดปกติที่เราใช้ยังไงกันนะ ? วันนี้ A LotTech จะพาทุกคนไปทำความรู้จักและเจาะลึกกับ eSIM ว่าคืออะไร แล้วดีกว่ายังไง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย! 

eSIM คืออะไร? 

eSIM หรือ Embedded SIM คือ ซิมการ์ดอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ทำให้มีขนาดเล็กและสะดวกกว่าซิมการ์ดแบบเดิมที่เราคุ้นเคยกัน

จุดเด่นของ eSIM คือขนาดที่เล็กมากๆ Sim มีขนาดเพียง 5×5 มิลลิเมตร ข้อดีคือ สามารถเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ รองรับได้สุงสุด 6 หมายเลขต่ออุปกรณ์( แต่ใช้งานพร้อมกันได้ 1-2 หมายเลขต่ออุปกรณ์ สามารถสลับการใช้งานแต่ละหมายเลขได้ ) คาดว่าในอนาคต eSIM จะถูกใช้มากขึ้นบนอุปกรณ์มือถือและสินค้ากลุ่ม IOT (Internet of Thing) ที่ต้องเชื่อมต่อและสั่งงานอุปกรณ์ผ่านมือถือ

ส่วนที่น่าจะทำให้หลายคนสนใจใช้ eSIM มากขึ้นน่าจะเพราะข้อดีที่ eSIM ถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์ ทำให้เวลาเครื่องหายคนที่เก็บได้จะไม่สามารถถอดซิมจากอุปกรณ์ได้ ตราบใดที่ล็อคเครื่องไว้อุปกรณ์นั้นก็ยังเป็นเบอร์ของคุณอยู่ แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียเช่นกัน ถ้าคุณใช้ eSIM แล้วโทรศัพท์เสีย คุณจะไม่สามารถถอดซิมออกมาใส่เครื่องสำรองได้เช่นกัน ต้องไปทำซิมใหม่หรือเปิด eSIM กับอุปกรณ์เครื่องใหม่ที่ศูนย์เอง

eSIM แตกต่างจาก Sim Card อย่างไร?

หลังจากที่ได้รู้กันแล้วว่า eSIM คืออะไร เรามาดูความแตกระหว่างว่า eSIM กับ Sim Card ทั่วไปกันดีกว่า จุดเด่นที่ทำให้ eSIM แตกต่างและได้เปรียบมากกว่าซิมการ์ดทั่วไป คือ สามารถเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ โดยสามารถรองรับได้สูงสุดมากถึง 6 หมายเลขโทรศัพท์ต่ออุปกรณ์ (ได้ทุกเครือข่าย ทั้งระบบเติมเงินและระบบรายเดือน) แต่จะสามารถใช้งานพร้อมกันได้เพียงแค่ 1-2 หมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น 

ความแตกต่างระหว่าง eSIM กับซิมการ์ดแบบเดิม

ขนาด: eSIM มีขนาดเล็กกว่านาโนซิมมาก (ประมาณ 5×5 มิลลิเมตร) ในขณะที่นาโนซิมมีขนาด 12.3×8.8 มิลลิเมตร ทำให้ประหยัดพื้นที่ในอุปกรณ์

การติดตั้ง: eSIM ถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงานผลิต ไม่สามารถถอดออกได้ ในขณะที่ซิมการ์ดแบบเดิมต้องใส่ในช่องใส่ซิม

การใช้งาน: eSIM สามารถดาวน์โหลดโปรไฟล์ผู้ให้บริการเครือข่ายลงในชิปได้โดยตรง ทำให้สามารถเปลี่ยนผู้ให้บริการได้ง่ายโดยไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ด

ความยืดหยุ่น: eSIM รองรับการใช้งานหลายหมายเลขในอุปกรณ์เดียว (ขึ้นอยู่กับการรองรับของอุปกรณ์และผู้ให้บริการ) ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เบอร์ส่วนตัวและเบอร์ทำงานในเครื่องเดียว

ทำไม eSIM จึงเป็นที่นิยม  

นอกจากข้อดีที่สามารถรองรับหมายเลขโทรศัพท์ได้มากถึง 6 หมายเลขต่ออุปกรณ์แล้ว ข้อดีอีกอย่างที่ทำให้หลายคนเลือกใช้ eSIM คือ อีซิมจะฝังมากับเครื่องตั้งแต่กระบวนการผลิต ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำเครื่องหาย คนที่เก็บได้ก็จะไม่สามารถถอดซิมออกได้ ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีของ eSIM ที่หลายคนให้ความสนใจ 

ข้อดีของ eSIM

สะดวก: ไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ดเมื่อเปลี่ยนผู้ให้บริการหรือเดินทางไปต่างประเทศ

ประหยัดพื้นที่: ทำให้ผู้ผลิตมีพื้นที่มากขึ้นในการออกแบบอุปกรณ์

ปลอดภัย: ลดความเสี่ยงจากการถูกขโมยหรือทำซิมการ์ดหาย

รองรับอุปกรณ์หลากหลาย: นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว eSIM ยังรองรับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ทวอทช์ แท็บเล็ต และแล็ปท็อป

ข้อควรรู้ก่อนใช้ esim

การใช้ eSIM แม้จะสะดวกและมีประโยชน์หลายด้าน แต่ก็มีข้อควรรู้บางประการที่ควรทราบก่อนตัดสินใจใช้งาน

ตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์: สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณรองรับ eSIM หรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นรองรับ eSIM แต่ควรตรวจสอบสเปคของอุปกรณ์หรือสอบถามผู้ผลิตเพื่อความแน่ใจ

ตรวจสอบการรองรับของผู้ให้บริการเครือข่าย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่คุณใช้อยู่รองรับ eSIM และมีแพ็กเกจที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ

ตรวจสอบมือถือที่รองรับ eSIM 

ในปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่รองรับ eSIM ซึ่งหลังจากที่ได้รู้ว่า eSIM คืออะไร พร้อมทั้งข้อดีของ eSIM แล้ว หลายคนน่าจะอยากลองใช้ แต่ไม่มั่นใจว่าสมาร์ทโฟนที่ตัวเองใช้อยู่รองรับหรือเปล่า งั้นมาลองดูกันดีกว่า ว่ามีมือถือรุ่นไหนที่รองรับ eSIM บ้าง

  • iPhone XR (เปิดตัวปี 2018)
  • iPhone XS และ iPhone XS Max (เปิดตัวปี 2018)
  • iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max (เปิดตัวปี 2019)
  • iPhone SE (รุ่นที่ 2) (เปิดตัวปี 2020)
  • iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max (เปิดตัวปี 2020)
  • iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max (เปิดตัวปี 2021)
  • iPhone SE (รุ่นที่ 3) (เปิดตัวปี 2022)
  • iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max (เปิดตัวปี 2022)
  • iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max (เปิดตัวปี 2023)
  • iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max (เปิดตัวปี 2024)

Galaxy S Series

  • Galaxy S20, Galaxy S20+, Galaxy S20 Ultra และ Galaxy S20 FE (เปิดตัวปี 2020)
  • Galaxy S21 5G, Galaxy S21+ 5G และ Galaxy S21 Ultra 5G (เปิดตัวปี 2021)
  • Galaxy S22, Galaxy S22+ และ Galaxy S22 Ultra (เปิดตัวปี 2022)
  • Galaxy S23, Galaxy S23+, Galaxy S23 Ultra และ Galaxy S23 FE (เปิดตัวปี 2023)
  • Galaxy S24, Galaxy S24+ และ Galaxy S24 Ultra (เปิดตัวปี 2024)

Galaxy Note Series

  • Galaxy Note20 และ Galaxy Note20 Ultra (เปิดตัวปี 2020)

Galaxy Z Series (Foldable Phones)

  • Galaxy Fold (เปิดตัวปี 2019)
  • Galaxy Z Flip และ Galaxy Z Flip 5G (เปิดตัวปี 2020)
  • Galaxy Z Fold2 5G (เปิดตัวปี 2020)
  • Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G (เปิดตัวปี 2021)
  • Galaxy Z Fold4 และ Galaxy Z Flip4 (เปิดตัวปี 2022)
  • Galaxy Z Fold5 และ Galaxy Z Flip5 (เปิดตัวปี 2023)
  • Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Flip6 (เปิดตัวปี 2024)
  • Galaxy A SeriesGalaxy A54 (เฉพาะบางภูมิภาค เช่น ยุโรป อเมริกาเหนือ เกาหลี และญี่ปุ่น) (เปิดตัวปี 2023)
  • Huawei P40 และ Huawei P40 Pro (เปิดตัวปี 2020)
  • Huawei Mate 40 Pro (เปิดตัวปี 2020)
  • Oppo Find X3 Pro (เปิดตัวปี 2021)
  • Oppo Reno 5 A (เปิดตัวปี 2021)
  • Oppo Reno 6 Pro 5G (เปิดตัวปี 2021)
  • Oppo A55s 5G (เปิดตัวปี 2021)
  • Oppo Find X5 และ Oppo Find X5 Pro (เปิดตัวปี 2022)
  • Oppo Find N2 Flip (เปิดตัวปี 2023)
  • Oppo Reno 9A (เปิดตัวปี 2023)
  • vivo X90 Pro (เปิดตัวปี 2022/2023)
  • vivo X100 Pro (เปิดตัวปี 2023) 
  • vivo V29 5G (เปิดตัวปี 2023)
  • vivo V29 Lite (เปิดตัวปี 2023)
  • Xiaomi 12T Pro (เปิดตัวปี 2022)
  • Xiaomi 13, Xiaomi 13 Pro และ Xiaomi 13 Lite (เปิดตัวปี 2023)
  • Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro (เปิดตัวปี 2023)
  • Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Pro (เปิดตัวปี 2023/2024)
  • Redmi Note 11 Pro 5G (เปิดตัวปี 2022) (เฉพาะบางภูมิภาค)
  • Redmi Note 13 Pro และ Redmi Note 13 Pro+ (เปิดตัวปี 2023)

ขั้นตอนง่าย ๆ ในการขอ eSIM 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองใช้ eSIM ปัจจุบันมีหลายวิธีที่สามารถทำเพื่อขอรับ eSIM โดยคุณสามารถเลือกได้ตามความ ได้แก่ 

  1. ติดต่อศูนย์บริการใกล้บ้านทุกสาขาทั่วประเทศ โดยให้คุณไปติดต่อกับพนักงานตามศูนย์บริการเครือข่ายที่ใช้งาน ทั้งนี้อย่าลืมเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วยล่ะ 
  2. ดาวน์โหลด eSIM ผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนได้ด้วยตัวเอง  โดยระหว่างที่ดาวน์โหลด eSIM เครื่องต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านซิมที่อยู่ในเครื่อง หรือ Wi-Fi ก็ได้ 
  3. ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชัน (ขึ้นอยู่กับเครือข่ายตามการใช้งาน)

eSIM กับซิมเน็ตรายปี

อย่างที่ได้พูดข้างต้นว่า eSIM คือ ซิมที่ฝั่งมากับตัวเครื่องและสามารถรองรับได้สูงสุด 6 หมายเลข สามารถรองรับได้ทุกเครือข่ายและทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบเติมเงินและรายเดือน ซึ่งการนำ eSIM มาใช้ร่วมกับซิมเน็ตรายปี ยิ่งจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้อีกมาก 

สามารถดูรายละเอียดและทำความรู้จักกับ ซิมเน็ตรายปี ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของคุณลงได้ที่นี่ คลิกเลย!

สำหรับใครที่สนใจซิมเน็ตรายปีหรือซิมเทพ วันนี้ทาง ALotTech ได้คัดเอาซิมเน็ตรายปี สุดคุ้มทุกเครือข่ายมาไว้ให้ทุกคนได้เลือกตามความเหมาะสมในการใช้งานแล้ว ดังนี้ 

  1. ซิมเทพธอร์ หนึ่งในโปรยอดฮิตของซิมทรูเน็ตรายปี เล่นเน็ตได้ตลอดทั้งเดือนแบบไม่ลดสปีดที่ความเร็ว 15 Mbps ตลอดระยะเวลา 12 เดือน และยังได้รับสิทธิพิเศษโทรฟรีในเครือข่ายไม่อั้น 30 นาทีต่อครั้ง และ โทรฟรีนอกเครือข่าย 60 นาทีต่อเดือน ดูรายละเอียด ซิมเทพธอร์ เพิ่มเติม คลิกเลย!
  2. ซิมมาราธอน จากค่ายดังอย่าง AIS  เล่นเน็ตได้ตลอดทั้งเดือนแบบไม่ลดสปีดที่ความเร็ว 15 Mbps จำนวน 100GB ต่อเดือนตลอดระยะเวลา 12 เดือน และยังได้รับสิทธิพิเศษโทรฟรีในเครือข่ายไม่อั้น 30 นาทีต่อครั้ง และ โทรฟรีนอกเครือข่าย 60 นาทีต่อเดือน ดูรายละเอียด ซิมเทพ AIS เพิ่มเติม คลิกเลย!
  3. ซิมคงกระพัน จาก DTAC  เล่นเน็ตได้ตลอดทั้งเดือนแบบไม่ลดสปีดที่ความเร็ว 15 Mbps ตลอดระยะเวลา 12 เดือน และยังได้รับสิทธิพิเศษโทรฟรีในเครือข่ายไม่อั้น 15 นาทีต่อครั้ง และ โทรฟรีนอกเครือข่าย 60 นาทีต่อเดือน ดูรายละเอียด ซิมเทพ DTAC เพิ่มเติม คลิกเลย!

คำถามที่พบบ่อย

1. eSIM ใช้กับ android ได้ไหม? 

eSIM สามารถใช้ร่วมกับระบบ Android ได้ ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Huawei, Oppo และ อื่น ๆ ทั้งนี้แนะนำให้คุณลองเช็กว่ารุ่นสมาร์ทโฟนที่ตนเองใช้อยู่รองรับ eSIM หรือไม่  

2. เมื่อ eSIM ถูกฝังอยู่ในเครื่อง เราสามารถยกเลิกได้หรือไม่ ? 

คุณสามารถยกเลิก eSIM ได้ตามปกติ โดยแจ้งขอยกเลิกกับศูนย์บริการ เมื่อยกเลิก eSIM แล้ว เบอร์ที่ใช้งานจะถูกเปลี่ยนคืนเป็นซิมการ์ดปกติ 

3. eSIM ควรเป็นเบอร์หลักหรือรอง?

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของแต่ละคน โดย eSIM สามารถใช้งานได้เป็นทั้งเบอร์หลักและเบอร์รอง

2 thoughts on “eSIM คืออะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ควรเป็นเบอร์หลักหรือเบอร์รอง?

  1. Uptoword says:

    e-Sim is an electronic simulator that allows users to experience the use of mobile phones without actually using their own phone. It provides a realistic simulation of various features and functions of a mobile phone, such as text messaging, calling, internet browsing, and app usage. The comment must be as a reader of blog post.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *