e-Sim คือ ซิมการ์ดแบบใหม่ที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์มือถือและสมาร์ตดีไวซ์ต่างๆ ไม่สามารถถอดออกมาได้
จุดเด่นของ e-Sim คือขนาดที่เล็กมากๆ e-Sim มีขนาดเพียง 5×5 มิลลิเมตร ข้อดีคือ สามารถเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ รองรับได้สุงสุด 6 หมายเลขต่ออุปกรณ์( แต่ใช้งานพร้อมกันได้ 1-2 หมายเลขต่ออุปกรณ์ สามารถสลับการใช้งานแต่ละหมายเลขได้ ) คาดว่าในอนาคต e-Sim จะถูกใช้มากขึ้นบนอุปกรณ์มือถือและสินค้ากลุ่ม IOT (Internet of Thing) ที่ต้องเชื่อมต่อและสั่งงานอุปกรณ์ผ่านมือถือ

ส่วนที่น่าจะทำให้หลายคนสนใจใช้ e-Sim มากขึ้นน่าจะเพราะข้อดีที่ e-Sim ถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์ ทำให้เวลาเครื่องหายคนที่เก็บได้จะไม่สามารถถอดซิมจากอุปกรณ์ได้ ตราบใดที่ล็อคเครื่องไว้อุปกรณ์นั้นก็ยังเป็นเบอร์ของคุณอยู่ แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียเช่นกัน ถ้าคุณใช้ e-Sim แล้วโทรศัพท์เสีย คุณจะไม่สามารถถอดซิมออกมาใส่เครื่องสำรองได้เช่นกัน ต้องไปทำซิมใหม่หรือเปิด e-Sim กับอุปกรณ์เครื่องใหม่ที่ศูนย์เอง
ขั้นตอนการขอ e-Sim สามารถทำได้ที่ศูนย์บริการเครือข่ายใกล้บ้านได้เลย เตรียมบัตรประชาชนไปด้วย ขั้นตอนการทำทางศูนย์จะให้ QR Code แบบใช้ครั้งเดียวกับเรา เราต้องสแกน QR Code เพื่อเปิดใช้งาน e-Sim ( ต้องสแกนผ่านโทรศัพท์ในหัวข้อการตั้งค่า ไม่ได้สแกนผ่านกล้องถ่ายรูปโดยตรง ) ในส่วนการติดตั้งนี้ เจ้าหน้าที่ในศูนย์บริการจะแนะนำเราเองครับ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก
เมื่อ e-Sim ถูกฝังอยู่ในเครื่อง เราสามารถยกเลิกได้หรือไม่ ?
สามารถยกเลิก e-Sim ได้ โดยการแจ้งยกเลิกกับศูนย์บริการ เมื่อยกเลิกแล้วเบอร์ที่ใช้งานจะถูกคืนโดยเปลี่ยนเป็นซิมการ์ดปกติ
e-Sim กับซิมเน็ตรายปี
เพราะ e-Sim เป็นซิมไม่ต้องใส่ในช่องใส่ซิม เราจึงสามารถหาเบอร์รองมาใช้ได้ ซึ่งเหมาะมากกับการใช้คู่กับซิมเน็ตรายปี เราสามารถใช้ e-Sim เป็นเบอร์หลักและใช้ซิมรายปีเป็นเบอร์รองสำหรับเล่นเน็ต + โทรออก เท่านี้ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะมาก
แม้ตอนนี้ e-Sim จะยังไม่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่เชื่อว่าในอนาคตจะมีการใช้งาน e-Sim เพิ่มขึ้น ด้วยเทคโนโลยีต่างๆที่พัฒนาขึ้น ทำให้อุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออย่างซิมการ์ดต้องพัฒนาตาม คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าซิมการ์ดจะพัฒนาไปทิศทางไหน แต่ก่อนจะไปยุคถัดไป…มาใช้ e-Sim กันก่อนครับ